ประเด็นร้อน

ให้ออก'พ.อ.'ทุจริตขายรถทหาร

โดย ACT โพสเมื่อ Jul 03,2017

 - - สำนักข่าว เดลินิวส์ วันที่ 1/07/60 - -

          
กรมการขนส่งทางบกสั่งอายัดและเพิกถอนทะเบียนรถของกรมการขนส่งทหาร 605 คัน หลังพบเอกสารส่งบัญชีรถแจ้งการประมูลขายทอดตลาดปลอมลงนามโดยพ.อ.ภพกฤต พันธ์ยศ รอง ผอ.กองวิทยาการขส.ทบ. กระจายอยู่ในชลบุรี ตาก อ่างทอง กทม. นครปฐมและอีก 10 จังหวัด อธิบดี ขบ. ตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงหากมีเจ้าหน้าที่ร่วมขบวนการด้วยต้องไล่ออกจากราชการทันที ขณะที่ดีเอสไอโดดร่วมวงรับเป็นคดีพิเศษเร่งขยายผลแกะรอยตะครุบยกแก๊ง
          
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 มิ.ย. ที่ กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดี ขบ. พล.ต.สมศักดิ์ ทรัพย์อนันต์ เจ้ากรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) และ พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ รักศักดิ์สกุล รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ร่วมกันแถลงข่าวกวาดล้างขบวนการมิจฉาชีพที่แอบอ้างยื่นเอกสารเท็จรถประมูลขายทอดตลาดของ ขส.ทบ.
          
สืบเนื่องจาก ขส.ทบ.ตรวจสอบพบพิรุธการยื่นเอกสารประมูลรถขายทอดตลาด จึงประสาน ขบ.ตรวจสอบรายละเอียดจนพบว่ามีขบวนการยื่นเอกสารส่งบัญชีรถแจ้งการประมูลขายทอดตลาดปลอมลงนามโดย พ.อ.ภพกฤตพันธ์ยศ รอง ผอ.กองวิทยาการ ขส.ทบ.รวม 9 ฉบับเป็นรถ 1,136 คัน ซึ่งทางกองทัพบกสั่งให้ออกจากราชการไว้แล้ว เนื่องจากห้วงระยะเวลาดังกล่าวทาง ขส.ทบ.ไม่มีการประมูลรถขายทอดตลาดส่งผลให้มีรถที่จดทะเบียนจากการยื่นเอกสารบัญชีปลอม 605 คัน กระจายไปจังหวัดต่าง ๆ อาทิ ตาก ชลบุรี อ่างทอง กทม. และนครปฐม ขณะที่มีบางส่วนได้ย้ายทะเบียนรถไปในอีก 15 จังหวัด แบ่งเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รย.1) 289 คัน รถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกิน 7 คน (รย.2) 22 คัน รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รย.3) 265 คัน รถบรรทุกส่วนบุคคลขนาดใหญ่ 19 คัน รถโดยสารประจำทาง 2 คัน รถโดยสารไม่ประจำทาง 7 คัน รถโดยสารส่วนบุคคล 1 คัน
          
นายสนิท เปิดเผยว่า ทันทีที่พบการยื่นเอกสารเท็จรถประมูลขายทอดตลาด ทางขส.ทบ.ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับผู้ลงนามในเอกสารเท็จและผู้เกี่ยวข้องที่ สน.เตาปูน ในส่วนของ ขบ.แจ้งความดำเนินคดีกับผู้ยื่นเอกสารเท็จที่ สน.บางซื่อและสั่งอายัดการดำเนินการทางทะเบียนรถในกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดทันที จากนั้นได้ทำหนังสือขอตรวจสอบข้อมูลของรถกับกองทัพบกและกรมศุลกากรเมื่อได้ข้อมูลแน่ชัดว่าเป็นรถที่ได้มาโดยไม่ชอบจึงได้ออกคำสั่งนายทะเบียนเพิกถอนการจดทะเบียนรถในกลุ่มดังกล่าวทั้ง 605 คัน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อไป
          
"ขบ.ยังได้แต่งตั้งคณะทำงานพิจารณาการดำเนินการทางทะเบียนและภาษีรถของขส.ทบ.เพื่อตรวจสอบรายละเอียดการยื่นจดทะเบียนรถทุกขั้นตอนรวมทั้งเส้นทางการเคลื่อนไหวถ่ายโอนพร้อมทั้งตั้งคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงหากพบเจ้าหน้าที่ของขบ.มีส่วนเกี่ยวข้องจะดำเนินการไล่ออกทันทีและหากเกี่ยวข้องกับคดีอาญาและคดีแพ่งจะได้รับโทษนั้น ๆ ด้วยเบื้องต้นพบว่ากลุ่มกระบวนการที่เกี่ยวข้องเรื่องนี้มีประมาณ 10 คน" นายสนิทระบุ
          
ด้าน พ.ต.อ.ทรงศักดิ์ กล่าวว่า ดีเอสไอรับเรื่องดังกล่าวเป็นคดีพิเศษแล้วเพื่อจะได้เร่งขยายผลดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดซึ่งคดีนี้เบื้องต้นมีกลุ่มผู้กระทำความผิดไม่ใหญ่นัก เป็นข้าราชการ ขส.ทบ.ระดับ "พันเอก" ส่วนข้าราชการ ขบ.คนอื่นจะมีส่วนเกี่ยวข้องอีกด้วยหรือไม่นั้นต้องตรวจสอบต่อไป.